วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศึกษาดูงานที่มาเลเซีย-สิงคโปร์

    เตรียมพร้อมก่อนเข้ากทม.
    ทานอาหารเที่ยงก่อนขึ้นเครื่องค่ะ
  1. 
  2. Action! สวยๆหล่อๆกันเถอะ

  3. เหินฟ้าสู่สิงคโปร์ด้วยสายการบินLUFFHUNSA
  4. แอร์บัสจุุผู้โดยสารทั้งหมด 500 ตน เที่ยวบินที่ LH 728 ค่
  5.                                                     
แข่งหล่อกันเต็มที่นะจ้ะหน่มๆๆ
LOCATION  : AWANNA HOTEL



วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การเขียนรายผลการศึกษาดูงานของนักศึกษา



สนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันค่ะ
รับใบประกาศ....ให้รู้ว่าหนูผ่านการศึกษาดูงานแล้วนะคะ
แนวทางการจัดทำรายงานผลการไปศึกษาดูงานของนักศึกษา / สถาบัน / องค์กร

ที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพและความเป็นเลิศทางวิชาการ

               1. ผู้ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการควรกำหนดวัตถุประสงค์และผลที่จะได้อย่างชัดเจน โดยเขียนในรูปแบบของโครงการศึกษาดูงาน

               2. เนื่องจากการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ควรจะต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักศึกษาที่แตกต่างไปจากการเรียนในระดับอื่น ๆ และเพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกฝนการทำรายงานที่มีบางส่วนคล้ายคลึงกับการทำภาคนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ และดุษฎีนิพนธ์ ตลอดจนการวิพากษ์ วิเคราะห์ ถึงเหตุและผลการไปศึกษาดูงาน รวมไปถึงการได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่จะต้องนำไปต่อยอดเพื่อสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ ว่าเป็นไปตามทฤษฎีที่ได้ศึกษาเรียนรู้หรือไม่ อะไรคือจุดต่าง แล้วการประยุกต์ใช้ของหน่วยงาน องค์กร องค์การ และผู้บริหารบุคคลเหล่านี้จะมีวิธีคิดที่แตกต่างกันอย่างไร ทำไมถึงคิดแบบนั้น แล้วแบบนั้นจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ โดยสามารถเปลี่ยนจากนามธรรมไปสู่ รูปธรรมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างในการศึกษาแล้วนำไปใช้ในอนาคตของตนเองเมื่อถึงเวลา ผู้เขียนจึงขอกำหนดแนวทางการจัดทำรายงานผลการไปศึกษาดูงานฯ ดังนี้

บทที่ 1 บทนำ
           เป็นเนื้อหาว่าด้วยเรื่องหรือหัวข้อที่จะไปศึกษาดูงานนั้น ๆ ว่ามีความสำคัญหรือความเป็นมาอย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น ความสำคัญในเรื่องนั้น ๆ ที่มีต่อการบริหารการพัฒนา ธุรกิจ สังคม ชุมชน หรือ องค์กร ตลอดจนพฤติกรรมของบุคคล เช่น แรงจูงใจ ในการเขียนนั้น ยาก (ดร.วันทนีย์ จันทร์เอี่ยม, 2551) ควรเป็นการเขียนที่บ่งบอกถึงความสำคัญมาก ๆ มากถึงระดับซึ่งมีคนทำสำเร็จได้
ในช่วงสุดท้ายของบทนี้ ควรเป็นการกล่าวถึง กรณีของจุดที่เราไปดูงานมาว่า อย่างไรก็ตามยังมีตรงนี้แห่งที่มีแนวทางในการดำเนินงานที่น่าสนใจ หรือมีรูปแบบที่สามารถอยู่ได้โดยไม่เดือนร้อน หรือสามารถทำประโยชน์ได้มาก ส่งผลดีหลายประกอบที่เอื้อต่อการพัฒนาในด้านอื่น ๆ (อะไรบ้างก็ว่าไป...)

บทที่ 2 หลักการ แนวคิด
         ความคิดโดยทั่วไปว่าด้วยเรื่องนั้น ๆ ซึ่งอาจจะตั้งชื่อบทตามหัวข้อที่ไปดูงาน เช่น การบริหารจัดการองค์กร...... นวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางธุรกิจเพื่อการพัฒนา ..... การพัฒนาภายใต้หลัก.....
เนื้อหาตรงนี้ได้ให้นักศึกษาตั้งธงไว้ก่อนไปดูงานแล้ว ว่าสิ่งที่ถูกต้องหรือตามหลักทฤษฎีนั้นควรเป็นอย่างไร หรือมีกรณีที่อื่น ๆ ทำทำไว้มีอย่างไร หรือแม้กระทั่งในส่วนของบริบทของสังคมไทยที่เคยผ่านมาส่งผลกระทบในเรื่องนั้น ๆ มีปรากฏมาอย่างไรแล้วบ้าง ให้นำมาไว้ในบทที่ 2 นี้ แต่อย่าเอามาตัดแปะต่อ ๆ กัน ควรเขียนในเชิงสังเคราะห์เอกสาร (มีอ้างอิงด้วย) ให้เป็นสำนวนการเขียนของตนเอง และควรแยกประเด็นให้ชัดเจนว่ามันมีองค์ประกอบที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ถ้าเป็นไปได้อาจทำเป็นแผนผังทางความคิดทั้งหมดที่นำมาสรุปไว้เป็นส่วนสุดท้ายของบทนี้

บทที่ 3 กรณี.... (ระบุชื่อบุคคลหรือสถานที่ องค์กรที่เราไปดูงาน เช่นอาจตั้งชื่อบทนี้ว่า)
             ซึ่งอาจจะตั้งชื่อบทตามหัวข้อที่ไปดูงาน เช่น การบริหารจัดการองค์กร...... นวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางธุรกิจเพื่อการพัฒนา ..... การพัฒนาภายใต้หลัก.....
เนื้อหาในบทนี้ ควรเป็นรายละเอียดในการเก็บข้อมูลทั้งเชิงทุติยภูมิ และปฐมภูมิ ในกรณีนั้น ๆ มาใส่ โดยแบ่งหัวข้อและประเด็นให้น่าอ่าน / น่าสนใจ มีรูปภาพประกอบ หรือแผนภูมิประกอบเนื้อหาแทรกได้ (ต้องดูให้ดีว่าถ้าเป็นโชว์เฉย ๆ ของผู้ไปดูงานไม่ควรอยู่ในที่นี้)

บทที่ 4 บริบททางสังคมกับการดำเนินงานของ ...
             เนื้อหาในบทนี้เป็นการเอารายละเอียดของ บทที่ 3 มาตีแผ่ ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างที่เราเห็น เพราะอะไรเขาถึงทำแบบนั้น มีปัจจัยในด้านบริบททางสังคมเข้าไปเกี่ยวเข้องอย่างไรหรือไม่ และทำไมเขาถึงไม่ทำตามหลักการที่ว่าไว้ตามที่มีในบทที่ 2 เพราะอะไร มีบริบททางสังคมมาเกี่ยวข้องอย่างไร ถึงไม่ทำแบบั้น (ซึ่งได้ให้นักศึกษาตั้งขอสังเกตไว้ก่อนไปดูงาน และให้ตั้งคำถามระหว่างไปดูงานด้วยแล้ว)
ตรงนี้เป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถของนักศึกษาว่าจะมีความคิดในการวิเคราะห์มากน้อยเพียงใด

บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
             สรุป เนื้อหาต้องสอดคล้องกับสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์ไว้ในบทที่ 4 และ  อภิปรายผล ควรเป็นการนำเอาบทที่ 2 และ บทที่ 3 เข้ามาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยอ้างหลักแนวคิด ทฤษฎี ผลงานวิจัย ว่าเป็นอย่างไร สอดคล้องกับใคร ตรงกับใคร แล้วมีผู้ใดที่ทำวิจัย หรือศึกษาไว้แล้ว สิ่งสำคัญ ขอย้ำ ท่านจะต้องใส่ความรู้ และความคิดเห็นของผู้วิจัย หรือผู้ศึกษาว่าเป็นอย่างไร มันจะเป็นการวัดถึงความรู้ที่ท่านมีอยู่ว่าสามารถมองเห็นอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วช่วยอธิบายแบบเป็นเหตุเป็นผลต่อไป

ข้อเสนอแนะ มี 2 อย่าง คือ ส่วนแรก คือ ข้อเสนอแนะจากการศึกษาวิจัย เป็นแสดงให้เห็นว่า ผลงานที่ไปศึกษานั้นจะช่วยทำอะไรได้บ้าง แล้วจะบอกอะไรกับใครหรือทำอย่างไรได้บ้างตามประโยชน์ที่เราคิดว่าเป็นไปได้แบบรูปธรรม (คม ชัด เจาะลึก และแคบ) ส่วนที่ 2 คือ ข้อเสนอแนะในการทำการศึกษาต่อไปเพราะหากมีผู้ที่จะศึกษาดูงานต่อหรือวิจัยต่อจะต้องทำอย่างไร ข้อด้อยของงานวิจัยชิ้นนี้ (คือ จุดอ่อน หรือ ข้อจำกัด นะครับ) ไม่ใช่อย่างอื่น ว่าจะต้องทำอย่างไร แล้วควรทำอย่างไรต่อไป



บรรณานุกรม
ภาคผนวก ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ทางสากลนิยม

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมวันแม่ประจำปีพ.ศ.2553

ลงนามถวายพระพรเนื่องในงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี2553
วันที่ 12 สิงหาคม 2553
ณ โรงเรียนบ้านสะเอิง สพป.สุรินทร์ เขต 2
รำถวายพระพรเนื่องในงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี2553
โดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
วันที่ 12 สิงหาคม 2553
ณ โรงเรียนบ้านสะเอิง สพป.สุรินทร์ เขต 2


พระสงฆ์ร่วมพิธีทางศาสนาในกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ ประจำปีพ.ศ. 2553


ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองนักเรียน  ครู นักเรียน ร่วมกันจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2553
โดยได้รับความร่วมมือจากทุกทาน ทุกหน่วยงานเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้การจัดงานประสบ
ผลสำเร็จตามโครงการทุกประการ

ประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรแม่ดีเด่น  ประจำปีพ.ศ 2553

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

เรียนอังกฤษกับครูแป๋วกันเถอะ


เด็กๆชั้นป.5 โรงเรียนบ้านสะเอิงกำลังสนุกและมีความสุข
กับการเรียนภาษาอังกฤษจากโครงงานOCCUPATION
โดย ครูชุติมา  สิมมา

SMALL BOOK
 ฝีมือการจัดทำของพี่ๆชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 โรงเรียนบ้านสะเอิงค่ะ
เชิญน้องๆพี่ๆและเพื่อนๆเข้าไปอ่านได้นะค่ะที่ห้องsound Lab ของเราค่ะ

ภาษาอังกฤษวันละคำ และ  คำคมภาษาอังกฤษ ค่ะ
นำเสนอเป็นประจำทุกวันค่ะหน้าเสาธง เว้นวันหยุดราชการนะค่ 
 โดย นักเรียนช่วงชั้นที่ 2 และ  3 ค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องได้รู้จักการออกเสียงที่ถูกต้อง และรู้จักความหมาย
 ตลอดจนสามารถแต่งประโยคง่ายๆจากคำที่นำเสนอภาษาอังกฤษค่ะนอกจากนั้นบังได้รู้จัก
 คำคมภาษาอังกฤาอีกด้วยค่ะทำให้เด็กๆสนุกกับการออกเสียงและจดบันทึกตอนเช้าก็ได้ยินเด็กๆ
ทักทายว่า hello , hi , good morning ค่ะ เห็นไหมค่ะว่าภาษาอังกฤษสนุกกว่าที่คิด


วิธีเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล

1.วิธีเรียนการฟัง ฝึกฟังบ่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกได้ว่าคุณฟังได้ดีขึ้น รู้เรื่องเร็วขึ้น เช่น ครั้งแรกๆอาจต้องฟังถึงสามหรือเที่ยว นานๆไปจำนวนเทียวจะลดลง ถ้าฟังเที่ยวเดียวแล้วรู้เรื่องทั้งหมดแสดงว่าคุณฟังเก่งแล้ว
ฟังอะไร จากที่ไหน แล้วแต่คุณต้องการ เช่น ดูหนัง(Soundtrack) ฟังเพลง ฟังบทเรียนต่างๆ ซึ่งมีแหล่งความรู้มากมาย เช่น ศูนย์การเรียนด้วยตนเอง (Self-Access Centre) ห้องสมุดเว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต
2.วิธีเรียนการพูด (How to learn speaking)ทำอย่างไรจะเรียนการพูดให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
คำตอบ : ฝึกพูดบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถาม-ตอบในเรื่อ’ต่างๆ
คำถาม : พูดอะไร กับใคร ที่ไหน
คำตอบ : แล้วแต่คุณต้องการ เช่น พูดเรื่องสัพเพเหระ(small talk) พูดคนเดียว พูดกับคนต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ พูดกับเพื่อนหรืออาจารย์คนไทยก็ได้ แหล่งฝึกพูดมีมากมายเช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต หรือ ทุกที่ทุกเวลา(ถ้าพูดกับตนเอง)
3. วิธีเรียนการอ่าน ทำอย่างไรจะเรียนการอ่านให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
ฝึกอ่านบ่อยๆ เจออะไร(ที่เป็นภาษาอังกฤษ)ก็อ่าน อ่านแล้วควรบอกได้ว่าข้อความนั้นมีสาระสำคัญอะไรบ้าง ถ้ายังบอกไม่ได้ต้องกลับไปอ่านใหม่
4. วิธีเรียนการเขียน (How to learn writing) ทำอย่างไรจะเรียนการเขียนให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
ฝึกเขียนบ่อยๆ
เขียนอะไร อย่างไร
ควรเขียนตามแบบ ในเรื่องที่คุณต้องการ เช่น เขียนจดหมาย เขียนคำนิยาม เขียนพรรณนาเหตุการณ์/สถานที่/กระบวนการ แหล่งฝึกเขียนมีมากมาย เช่น ศูนย์การเรียนด้วยตนเอง (Self-Access Centre) ห้องสมุด เว็บไซต์เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษบนอินเทอร์เน็ต หรือ ทุกที่ทุกเวลา

วันสบายๆสไตล์ชุติมา


พาครอบครัวไปเที่ยวที่ฟาร์มโชคชัย และไปร่วมฉลอง Count Down ต้อนรับปี2010
 ณ รีสอร์ทต้นน้ำโฮมสเทต วังน้ำเขียว นครราชสีมา
ระหว่างวันที่ 30,31  ธันวาคม 2552 -  วันที่ 1  มกราคม 2553
สนุกสนานที่ ชะอำ เพชรบุรี หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
และล่องแพ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
วันที่  12 - 15  เมษายน  2553
สำรวจทางรถไฟสายน้ำตก น่ากลัวมากๆๆค่ะเพราะสูงมากๆ
วันที่ 14  เมษายน 2553

นมัสการวัดหลวงพ่อโต นครราชสีมา



ชมสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และสวยงามมากที่สุดของจังหวัดร้อยเอ็ด
เจดีย์ชัยมลคล  อำเอภหนองพอก ร้อยเอ็ด




โถ.....คงไม่มีใครกล้าว่า หรือปฎิเสธหรอกนะว่า วันหยุดใครๆ ก็ต้องการความเป็นส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่ถ้าเราได้ใช้วันหยุดอย่างมีประโยชน์และรู้คุณค่าของเวลา วันสบายๆ อันปลอดจากภาระหน้าที่ประจำอาจมีความหมายขึ้นอีกเยอะเชียว แล้วอย่างนี้จะมัวแต่เซ็งอยู่ทำไมว่า 'วันหยุดไม่รู้จะทำอะไร' ให้เป็นชิ้นเป็นอัน